Tuesday, 21 March 2023

6 ปัจจัยชี้ชัด อาร์เซน่อล ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก

หลังจากศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2022/23 ผ่านมาถึงครึ่งทาง อาร์เซน่อล ยังรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้โดยกวาดแต้มไปแล้ว 50 แต้มจากการลงสนาม 19 นัด

จากผลงานนัดปัจจุบันที่เปิดบ้านปราบ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ทีม ปืนใหญ่ ขยับหนี แมนฯ ซิตี้ รองจ่าฝูงเป็น 5 แต้ม และลงบู๊น้อยกว่า เรือใบสีฟ้า หนึ่งนัด

แน่นอนว่าถึงแม้ทางของซีซั่นจะยังเหลืออีกยาวไกล แต่ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ด้วยเหมือนกันว่าสาวก เดอะ กันเนอร์ส ฝันถึงการครอบครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกกันแล้วนับตั้งแต่พวกเขาได้โทรฟี่ใบนี้มาเชยชมคราวสุดท้ายในฤดูกาล 2003/04

กระนั้นก็ตาม มันมีสัญญาณแสดงว่าอาร์เซน่อล จะประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ อย่างแน่แท้ด้วยเหตุผล 6 ข้อดังต่อไปนี้

1. แผงหลังอย่างหนา อาร์เซน่อล

กาลครั้งหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เคยหล่นวาทะว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับทำให้คุณได้แชมป์”

เท่าที่ผ่านมา อาร์เซน่อลมีจุดอ่อนในเรื่องเกมรับมาตั้งแต่ช่วงท้ายการคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ อีกทั้ง อูไน เอเมรี่ ก็จัดการกับปัญหานี้ไม่เป็นผลสำเร็จ แต่ไม่ใช่ มิเกล อาร์เตต้า ซึ่งทำให้ทีมมีเกมรับที่แข็งโป๊ก

ดังจะเห็นว่านาทีนี้ เดอะ กันเนอร์ส เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก น้อยที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก นิวคาสเซิ่ล เพียงแค่นั้นโดยพวกเขาปล่อยให้คู่แข่งทำประตูได้แค่ 16 จาก 19 นัด

จากความยอดเยี่ยมดังกล่าว อาร่อน แรมสเดล นายทวารมือกาว เหมาะสมได้รับคำชมมากพอๆกับบรรดาแผงหลังเพราะว่าเขามีคลีนชีต 9 นัด เป็นรองแค่ นิค โป๊ป นายทวารทีม สาลิกาดง รายเดียวเพียงแค่นั้นที่เก็บคลีนชีตได้มากกว่า

นอกเหนือจากความเหนียวหนึบของ แรมสเดล แล้ว คู่กองหลังอย่าง วิลเลี่ยม ซาลิบา กับ กาเบรียล มากัลเญส ก็ประสานงานกันได้อย่างเหนียวแน่น ขณะที่ เบน ไวท์ กับ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ สองฟูลแบ็คต่างก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ

อีกทั้งจากสถิติที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าทีมที่มีเกมรับกล้าแกร่งมักครองแชมป์ไปครอบครองได้ในท้ายที่สุด ด้วยเหตุนั้นแล้ว อาร์เซน่อลก็เลยมีคุณสมบัติข้อนี้อยู่ในแบบอย่างชัดเจน

พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล

2. ฟอร์มนัดเหย้า อาร์เซน่อล

นับตั้งแต่บอกลา ไฮบิวรี่ มาเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในปี 2006 อาร์เซน่อลแทบจะไม่ค่อยได้ฉลองใหญ่กันสักเท่าไหร่เพราะว่ากันว่าบ้านหลังปัจจุบันของพวกเขามีบรรยากาศที่เทียบกับบ้านหลังเก่าไม่ได้

อย่างไรก็แล้วแต่ หลังการเข้ารับตำแหน่งกุนซือของ อาร์เตต้า เขาสามารถเนรมิตให้สังเวียนแข้ง ที่ทันสมัยเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศ ที่อื้ออึง และนำมาซึ่งการทำให้ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แปลงเป็นสมรภูมิที่น่าเคารพนับถือของทีมคู่แข่งไปแล้ว

จากการลงเล่นเกมลีกนัดเหย้า 9 นัดในฤดูกาลนี้ เดอะ กันเนอร์ส ส่งผลงานชนะ 8 เสมอ 1 เก็บได้ทั้งหมด 25 แต้มจาก 27 แต้มโดยในจำนวนนี้เป็นเกมปลิดชีพทีมใหญ่อย่าง สเปอร์ส , หงส์แดง และ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างยอดเยี่ยม

แค่นี้ไม่พอ ครึ่งซีซั่นที่ผ่านไป ทีมของ อาร์เตต้า ลงเล่นนัดเยือนมากยิ่งกว่านัดเหย้าด้วย มันจึงแปลว่าพวกเขาเหลือเกมในบ้านตอนครึ่งซีซั่นหลังมากกว่าเกมเยือนรวมทั้งหมด 10 นัดด้วยกัน

3. สภาพจิตใจ

ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นเดียวกันว่าเรื่องของหัวจิตหัวใจเปรียบเหมือนข้อเสียที่ทำให้ อาร์เซน่อล ร้างราจากความสำเร็จในหลายปีหลัง

สำหรับประเด็นนี้ ไม่ต้องมองไปไกลเลย เพราะฤดูกาลก่อนอาร์เซน่อล ล้มฟุบในโค้งสุดท้ายอย่างไม่น่าเชื่อ และมีอันต้องเสียโควต้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับ สเปอร์ส ทีมคู่แค้นจนได้

“เราไม่ดีพอในหลายปีหลังต่อการร่วมลุ้นคว้าแชมป์ มันเป็นสิ่งที่เราต้องแสดงให้เห็นว่าเราทำได้ แต่คำพูดไม่มีความหมาย เราต้องลงมือทำในสนาม” อาร์เตต้า เอ่ย

“เราต้องมีความสมดุลย์ของสภาพร่างกายและจิตใจ มันเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของทีม คุณจำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ”

“หากปราศจากสิ่งนี้ คุณจะไม่มีทางต่อสู้อย่างยาวนานเป็นเวลา 11 เดือนได้เลย และเราต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาในทีม”

ถึงขณะนี้ อาร์เตต้า บรรลุผลสำเร็จแล้วจากหลักฐานการนำทีมบุก ไปเก็บสามแต้มได้อย่างไม่ลำบากทั้งเกมเยือน เชลซี และ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้

ช่วงเวลาเดียวกัน พวกเขายังแซงชนะ เวสต์แฮม ได้ด้วย รวมทั้ง ฟูแล่ม และ แมนฯ ยูไนเต็ด กับการยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกมใส่ เจ้าสัวน้อย และ ผีแดงทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล ไม่เคยกลับสู่เกมได้เลยหลังเสียประตูก่อน ถ้าหากแต่วันนี้แม่ทัพ ปืนใหญ่ มีพลังซ่อนเร้นอย่างที่เห็น

เวลาเดียวกัน มั่นใจว่าการย้ายมาของทั้ง กาเบรียล เชซุส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ อดีตสองดาวเตะ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งประสบความสำเร็จได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ เรือใบสีฟ้า มาแล้วช่วยจุดประกายให้ห้องแต่งตัวของ อาร์เซน่อล ให้มีสภาพจิตใจที่อดทนเช่นเดียวกัน

4. ความยอดเยี่ยมของ โอเดการ์ด และ ซาก้า

เป็นสิ่งที่เลี่ยงมิได้ สำหรับทุกทีมที่ครอบครองแชมป์ซึ่งจะต้องมีนักเตะ ที่ร่ายเพลงแข้งได้อย่างสุดยอดเยี่ยมพร้อมเพียงกันอย่างน้อยสองราย และสำหรับ อาร์เซน่อล ชุดนี้พวกเขามี มาร์ติน โอเดการ์ด กับ บูคาโย่ ซาก้า เป็นตัวชูโรง

จากการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก 19 นัด ซาก้า ซึ่งพัฒนาฝีเท้าได้อย่างคืบหน้าไปมากในระยะหลังส่งผลงานยิงได้ 7 ประตูและ 7 แอสซิสต์

ด้านกัปตันทีม โอเดการ์ด กลายเป็นจอมทัพของทีม ปืนใหญ่ เต็มกำลังแล้วในฤดูกาลนี้จากการระเบิดฟอร์มสุดยอดได้อย่างสม่ำเสมอพาทีมกำชัยเป็นว่าเล่น

โดยเหตุนี้แล้ว ซาก้า จึงมีลุ้นเอารางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ขณะที่ โอเดการ์ด ก็น่าจะได้ลุ้นซิวรางวัลใหญ่ด้วยเช่นกัน

“เอ้อร์ลิ่ง ฮาลันด์ สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าเข้าใจผมผิด ถ้า ฮาลันด์ ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง แต่ อาร์เซน่อล ได้แชมป์ลีก โอเดการ์ด จะเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีสำหรับผม” ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เอ่ยออกมาเมื่อไม่นาน

ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก

5. มิได้เล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก

เป็นเรื่องชอกช้ำใจอย่างแรงที่ อาร์เซน่อลวืดการคว้าอันดับท็อปโฟร์เมื่อซีซั่นก่อน แต่สำหรับฤดูกาลนี้พวกเขาไม่มีวันปล่อยให้โควต้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก หลุดมือแน่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วทีมลูกหนังแห่งกรุงลอนดอนจะเข้าเส้นชัยซิวแชมป์ลีกได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม

ต่อการพลาดโควต้าดังกล่าว แปลงเป็นเรื่องดีเหมือนกันเนื่องจาก อาร์เซน่อล ไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มสมาธิให้กับศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อกเอาต์ดัง แมนฯ ซิตี้ ซึ่งจะมีผลให้ทีม ปืนใหญ่ เน้นย้ำคำตอบของเกม พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเต็มที่

และที่สำคัญ ไม่ใช่ความลับแม้แต่น้อยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หิวพา เรือใบสีฟ้า คว้าถ้วยหูใหญ่มาครองเป็นยุคแรกให้ได้เนื่องด้วยมันเป็นโทรฟี่ใบสุดท้ายที่เขายังนำมามอบให้กับทีมเงินถังไม่สำเร็จ

ถึงในเวลานี้ แม้ กวาร์ดิโอล่า ยังหวังป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่เชื่อเถอะว่าหากแลกได้ เขาหวังพาทีมซิวถ้วยหูใหญ่มาครอบครองมากกว่าซึ่งอาจเอื้อประโยชน์ให้กับ อาร์เซน่อล ไปโดยปริยาย

ในทางกลับกัน ถึงแม้ เดอะ กันเนอร์ส จำเป็นต้องลงเล่นเกมกลางอาทิตย์ในถ้วย ยูโรปาลีก แต่ที่ปรึกษาสแปนิชไม่คิดเอาจริงเอาจังอยู่แล้วกับการโรเตชั่นทีมเพื่อเก็บความสดเอาไว้ไล่ล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นหลัก

6. คอยการคัมแบ็คของ เชซุส

การบาดเจ็บของ กาเบรียล เชซุส ในศึก บอลโลก ถูกมองว่าจะบั่นทอนโอกาสครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ อาร์เซน่อล

แต่เอาเข้าให้จริงๆการร้างสนามไปนานของดาวยิงทีมชาติ บราซิล มิได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อ อาร์เซน่อลเลยถึงแม้แต่น้อยในเมื่อพวกเขามี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ฉายฟอร์มเด็ดยิงประตูในลีกได้ 4 ลูกจาก 5 นัดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ฟุตบอลลีกกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้ง รวมทั้งสองประตูในเกมสยบ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ด้วย

อย่างไรก็แล้วแต่ อาร์เซน่อลกำลังคอยการกลับมาของ เชซุส อย่างใจจดใจจ่อเหตุเพราะเขากระทุ้งประตูให้ทีมไปแล้ว 5 ลูก และ 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นเกมลีก 14 นัดก่อนผละไปรับใช้ชาติ

โดยเหตุนี้แล้ว แม้ เชซุส ฟิตกลับมาลงสนามเมื่อใด มันก็เปรียบเหมือน อาร์เซน่อลได้นักเตะใหม่เพิ่มอีกรายซึ่งจะทำให้พวกเขามีความน่าเคารพนับถือมากเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับ แมนฯ ซิตี้ ศึก บอลโลก 2022 ทำให้ขุนศึกของ กวาร์ดิโอล่า หมดพลังไปไม่น้อยจากการลงเล่นที่ กาตาร์ รวมกันเป็นจำนวน 4,572 นาที

ผิดกับอาร์เซน่อล ซึ่งนักฟุตบอลของ อาร์เตต้า ลงเล่นให้แผ่นดินกำเนิดรวมกันแค่ 1,700 นาที และมันจะทำให้พวกเขามีความสดใหม่เหนือกว่า แมนฯ ซิตี้ อย่างแน่นอน