“ทีมชาติโปรตุเกส” ประกาศแต่งตั้ง “โรแบร์โต มาร์ติเนซ” เข้ามารับตำแหน่งกุนซือคนใหม่ของทีม ต่อจาก “เฟร์นานโด ซานโตส” ที่พาทีมทำผลงานในศึก “บอลโลก 2022” ได้อย่างน่าผิดหวัง
วันที่ 9 เดือนมกราคม 65 “ฝอยทอง” ทีมชาติโปรตุเกส ประกาศแต่งตั้ง โรแบร์โต มาร์ติเนซ ผู้ฝึกสอนชาวสเปน เข้ามารับตำแหน่ง กุนซือ คนใหม่ของทีม ต่อจาก เฟร์นานโด ซานโตส ที่พาทีมทำผลงานในศึก “ฟุตบอลโลก 2022” ที่ประเทศกาตาร์ ได้อย่างน่าผิดหวัง ด้วยการตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ทั้งนี้ โรแบร์โต มาร์ติเนซ กล่าวว่า “ด้วยความสัตย์จริง ผมมีความสุขที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ผมรู้ยินดีที่จะเข้ามาเป็นโค้ชของทีมที่มีผู้เล่นพรสวรรค์มากที่สุดในโลกฟุตบอล ผมรู้ถึงสิ่งนี้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบกับสมาคมฟุตบอลโปรตุเกส ผมรู้ว่านี่คือโปรเจกต์ที่เหมาะสมกับผม ผมรู้ถึงความคาดหวังและเป้าหมายที่สูงมากๆ ของทีมและผมเชื่อว่าผมจะได้ร่วมงานกับกลุ่มคนที่พร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่อไปถึงเป้าหมาย”
สำหรับ โรแบร์โต มาร์ติเนซ จะเป็นกุนซือต่างชาติคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของ “ฝอยทอง” ทีมชาติโปรตุเกส ต่อจาก ออตโต กลอเรีย และ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี.
ทางการ ทีมชาติโปรตุเกส ตั้งโรเบร์โต มาร์ติเนซ นั่งกุนซือคนใหม่
ทีมชาติโปรตุเกสประกาศแต่งตั้ง โรเบร์โต มาร์ติเนซ มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมเป็น ผู้จัดการทีม ต่างชาติรายที่ 3 ซึ่งได้คุมทัพ “ฝอยทอง”
สำหรับ โปรตุเกส แยกทางกับ แฟร์นานโด ซานโตส กุนซือจอมเก๋า หลังจบศึก บอลโลก 2022 ที่ผ่านมาหลังเจ้าตัวพาทีมทำผลงานได้น่าผิดหวังด้วยการไม่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
ที่ผ่านมาทัพ “ฝอยทอง” ตกเป็นข่าวกับเฮดโค้ชหลายราย ทั้ง โชเซ มูรินโญ และโรเบร์โต มาร์ติเนซ เป็นต้น ถึงกระนั้นคนที่เป็นตัวเต็งหมายถึงมาร์ติเนซ ที่เพิ่งจะล่ำลาตำแหน่งกุนซือ ทีมชาติเบลเยียม หลังจบเวิลด์ คัพ 2022 เพราะว่าพาทีมตกรอบแบ่งกลุ่ม
จนถึงล่าสุด โปรตุเกส ได้แถลงแต่งตั้ง มาร์ติเนซ มาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ทางการ พร้อมเป็นผู้จัดการทีมต่างชาติคนที่ 3 ที่คุมทัพ “ฝอยทอง” ต่อจาก อ๊อตโต กลอเรีย กับ หลุยส์ ฟิลิปเป สโคลารี 2 ผู้จัดการทีมบราซิเลียน
ขณะที่เรื่องสัญญานั้น ฟาบริซิโอ โรมาโน ผู้สื่อข่าวคนดังบอกว่า มาร์ติเนซ ได้เซ็นถึงเดือน มิ.ย. 2026 ซึ่งก็กล่าวได้ว่าเขาจะได้คุมทีมใน 2 ทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง ศึกยูโร 2024 และฟุตบอลโลก 2026
ทั้งนี้ มาร์ติเนซ วัย 49 ปีมีประสบการณ์ในการคุมทีมชาติหมายถึงเบลเยียม ช่วงปี 2016-2022 ซึ่งผลงานดีที่สุดเป็นการอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2018
‘ฝอยทอง’ ตั้ง ‘มาร์ติเนซ’ คุมทัพแทน ‘ซานโต๊ส’ ถึงปี 2026
โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ผู้ฝึกสอนชาวสแปนิช ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทัพ โปรตุเกส อย่างเป็นทางการ หลังพึ่งจะว่างงานได้ไม่นานนับตั้งแต่หมดสัญญากับ เบลเยียม โดยมีภารกิจสำคัญทั้งในศึกยูโร 2024 และ ฟุตบอลโลก 2026
ทีมชาติ โปรตุเกส ประกาศแต่งตั้ง โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว แทนที่ แฟร์นานโด ซานโต๊ส ที่ล่ำลาทีม หลังทัพ ฝอยทอง ไม่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ จากการพ่าย โมร็อกโก ม้ามืดของทัวร์นาเม้นต์ ไปอย่างเกือบ 0-1 โดยจะเซ็นสัญญาถึงปี 2026
นายใหญ่แดน กระทิงดุ เพิ่งจะหมดสัญญากับ เบลเยียม โดยพาทีมจบอันดับ 3 กลุ่ม เอฟ ชวดไปเล่นในรอบน็อคเอาท์ ศึกเวิลด์คัพ ฉบับดินแดนอาหรับไปอย่างน่าผิดหวัง แต่เขาไม่มีงานทำได้ไม่นาน ก็ได้งานใหม่คุมแข้งโปรตุกีส และข้อความสำคัญเร่งด่วนที่สุดของเขาเป็นการชี้แจงเหตุการณ์ของกัปตันทีม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งพึ่งจะเซ็นสัญญากับสโมสร อัล นาสเซอร์ ในซาอุดิอาระเบีย
ภายใต้การนำของเขา เบลเยียม อยู่ในอันดับต้นๆของการจัดอันดับโลกจากสหพันธ์บอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ตรงเวลากว่าสามปี แต่ด้วยผลงานที่ไม่เป็นตามคาดที่กาตาร์ ต้องยุติเส้นทางก่อนกำหนด ทำให้ไม่ต่อสัญญา ซึ่งงานใหม่ของเขาจะได้คุม โปรตุเกส ลงเล่นในสองรายการสำคัญหากผ่านรอบคัดเลือก ทั้งศึกยูโร 2024 ที่เยอรมนี ต่อด้วยบอลโลก 2026 ที่แคนาดา เม็กซิโก และ อเมริกา เป็นเจ้าภาพร่วม
‘มาร์ติเนซ’ ยืนยัน ‘โรนัลโด้’ ยังเป็นคนสำคัญของทีมชาติโปรตุเกส
หลังจากที่ สหพันธ์ฟุตบอลโปรตุเกส ประกาศแต่งตั้งโรเบร์โต้ มาร์ติเนซ โค้ชชาวสเปนเป็นหัวหน้าโค้ช ทีมชาติโปรตุเกส คนใหม่อย่างเป็นทางการ ทำให้มีการซักถามถึงอนาคตของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าวัย 37 ปี ที่ย้ายออกจากวงการบอลยุโรปไปค้าแข้งกับอัล นาสเซอร์ ในลีกซาอุดีอาระเบีย ว่ายังมีอนาคตกับทีมชาติหรือเปล่า
มาร์ติเนซกล่าวว่า หลังจากเข้ามารับงานอย่างเป็นทางการแล้ว จะติดต่อกับนักฟุตบอล 26 คนที่ไปลุยบอลโลก 2022 มาก่อนหน้านี้ ซึ่งโรนัลโด้ก็เป็นเลิศในนั้น และจะมีการพูดคุยกับโรนัลโด้อีกรอบถึงการเล่นให้ทีมชาติของเขาหลังจากนี้ เขาเป็นนักฟุตบอลที่อยู่กับทีมชาติมา 19 ปี ควรจะได้รับการเคารพ จึงควรมีการพูดคุยกันก่อน ส่วนหน้าที่ของ มาร์ติเนซ หมายถึงการเลือกนักเตะที่ดีที่สุดที่จะไปลุย บอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2024”