Tuesday, 21 March 2023

ฟันฮิปโป กำลังกลายเป็นชิ้นส่วนจากสัตว์ป่าที่นักลักลอบสนใจค้าแทนงาช้าง

ฟันฮิปโป นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าเตือนว่า ความจำกัดที่เอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้นต่อการลักลอบค้างาช้างได้ทำให้เกิดการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสเพิ่มมากขึ้น โดยบางทีก็อาจจะมีผลเสียอย่างรุนแรงต่อฮิปโปโปเตมัสสายพันธุ์ที่ได้รับการขึ้นบัญชีว่า “มีแนวโน้มใกล้สิ้นซาก” (vulnerable to extinction)

เวลาที่สหราชอาณาจักรประกาศการห้ามการค้างาเกือบทั้งหมดเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา องค์กรการกุศลด้านความสะดวกสัตว์ป่าได้เรียนรู้ความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย

ฟันฮิปโป ฮิปโปโปเตมัส

“พวกเราพบการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสมากขึ้นในสหราชอาณาจักร”

ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการห้ามการค้างาช้างเกือบทั้งหมดมีผลบังคับใช้ แฟรงกี โอซูก หัวหน้าการเขียนรายงานที่เผยแพร่โดยบอร์น ฟรี (Born Free) เมื่อเดือน ก.ย. กล่าว

นี่คือ “หลักฐานที่น่ากังวลอย่างยิ่งว่า มีความต้องการฟันฮิปโปโปเตมัสมากขึ้น ซึ่งจำนวนฮิปโปโปเตมัสตามธรรมชาติก็เผชิญกับการคุกคามอยู่” รายงานกำหนด

บรรดานักวิจัยกล่าวว่า ลักษณะนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1989 ซึ่งทั่วโลกเห็นด้วยด้วยกันสำหรับในการห้ามการค้างาช้างเป็นครั้งแรก รวมทั้งมีความเข้มงวดขึ้น เพราะรัฐบาลต่างๆได้เอามาตรการใหม่ๆมาใช้เพื่อสำหรับในการห้าม

เหมือนกันกับงาช้าง ฟันและเขี้ยวของฮิปโปมักถูกใช้ในการแกะสลักเพื่อนำไปตกแต่งตกแต่ง แม้กระนั้นของพวกนั้นราคาถูกกว่า และก็หามาครองได้ง่ายยิ่งกว่า

ส่วนต่างๆของฮิปโปยังสามารถนำไปขายภายใต้อนุสัญญาเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสิ้นซาก (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora –CITES) หรือ ไซเตส ได้ด้วย แต่การขายในต่างถิ่นจะต้องมีใบอนุญาตการส่งออก

นักเคลื่อนไหวด้านสัตว์ป่าเตือนว่า ข้อจำกัดที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นต่อการลักลอบค้างาช้างได้นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อฮิปโปโปเตมัสสายพันธุ์ที่ได้รับการลงบัญชีว่า “มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์” (vulnerable to extinction)

ขณะที่สหราชอาณาจักรประกาศการห้ามการค้างาช้างเกือบทั้งหมดเมื่อเดือน มิ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา องค์กรการกุศลด้านสวัสดิภาพสัตว์ป่าได้เรียนรู้ความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย

“พวกเราเจอการค้าฟันฮิปโปโปเตมัสมากขึ้นเรื่อยๆในสหราชอาณาจักร ในช่วงหนึ่งเดือนหลังจากการห้ามการค้างาเกือบทั้งหมดมีผลบังคับใช้” แฟรงกี โอซูก หัวหน้าการเขียนรายงานที่เผยแพร่โดยบอร์น ฟรี (Born Free) เมื่อเดือน กันยายน กล่าว

นี่คือ “หลักฐานที่น่ากังวลอย่างยิ่งว่า มีความต้องการฟันฮิปโปมากขึ้น ซึ่งปริมาณฮิปโปตามธรรมชาติก็เผชิญกับการคุกคามอยู่” รายงานกำหนด

ฟันฮิปโป งาช้าง

บรรดานักวิจัยกล่าวว่า ลักษณะนี้คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1989

ซึ่งทั่วโลกเห็นชอบด้วยกันสำหรับเพื่อการห้ามการค้างาช้างเป็นครั้งแรก และก็มีความเข้มงวดขึ้น ด้วยเหตุว่ารัฐบาลต่างๆได้เอามาตรการใหม่ๆมาใช้เพื่อสำหรับการห้าม

เช่นเดียวกับงาช้าง ฟันและเขี้ยวของฮิปโปโปเตมัสมักถูกใช้ในลัษณะของการสลักเพื่อนำไปประดับประดาตกแต่ง แม้กระนั้นของพวกนั้นราคาถูกกว่า และก็หามาถือครองได้ง่ายดายเสียยิ่งกว่า

ส่วนต่างๆของฮิปโปยังสามารถนำไปขายภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่ารวมทั้งพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora –CITES) หรือ ไซเตส ได้ด้วย แต่ว่าการขายในต่างประเทศควรจะมีเอกสารสิทธิ์การส่งออก

ชาติในแอฟริกากลางและตะวันตก 10 ชาตินี้จึงได้เสนอหนทางที่เรียกว่า “ความเห็นประกอบ” ซึ่งจะทำให้มีการระบุโควตาเป็นศูนย์ในการค้าตัวอย่างสัตว์ป่าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า แต่ข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป หรือจากชาติต่างๆในแอฟริกาใต้แล้วก็ตะวันออก ซึ่งระบุว่า จำนวนประชากรฮิปโปยังคงอยู่ในระดับที่ดี

บางประเทศในแอฟริกาใต้รวมทั้งตะวันออก ได้แก่ แทนซาเนีย, ยูกันดา, แซมเบีย แล้วก็ซิมบับเว ยังเป็นที่มาของฮิปโปราว 3 ใน 4 จากปริมาณ 13,909 ตัว ที่ถูกนำชิ้นส่วนและก็ผลิตภัณฑ์ต่างๆจากฮิปโปโปเตมัสเหล่านี้ไปขายระหว่างปี 2009-2018

โจอันนา สวาเบ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายโปรโมทของสมาคมมนุษยธรรมนานาชาติ (Humane Society International) ชี้ว่า เกือบจะไม่มีการทำงานใดๆก็ตามตั้งแต่ปี 2016 เพื่อรักษาปริมาณฮิปโปโปเตมัส

“แทบจะไม่มีการศึกษาเรียนรู้วิจัยด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับจำนวนประชากรที่แท้จริงของฮิปโปโปเตมัสในประเทศต่างๆเหล่านี้เลย” เธอกล่าว

“เวลาที่ในเวลาเดียวกัน ประเทศเหล่านี้รู้ว่า กำลังเกิดอะไรสังกัดฮิปโปภายในดินแดนของตน โดยเหตุนั้น พวกเขาไม่สมควรนิ่งเฉย”

ฮิปโปโปเตมัสมีอัตราการเกิดต่ำ โดยคลอดลูกเพียง 1 ตัวในแต่ละปี ด้วยเหตุผลดังกล่าวการมีจำนวนประชากรฮิปโปที่น้อยลงอาจทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาวได้

ฟันฮิปโป

ฟันฮิปโป ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับฮิปโป

ฮิปโปทุกตัวอาศัยอยู่ในแอฟริกา โดยมี 2 จำพวกคือ ฮิปโปธรรมดา (common hippo) ซึ่งคาดว่า มีประชากรราว 115,000-130,000 ในปี 2016 แล้วก็ฮิปโปโปเตมัสแคระ (pygmy hippo) ซึ่งมีประชากรราว 2,000-3,000 ตัว

ฮิปโปโปเตมัสธรรมดาจัดอยู่ในจำพวก “มีแนวโน้มใกล้สิ้นซาก” ในบัญชีแดงของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์และรักษาธรรมชาติในปี 2016

มีการค้าชิ้นส่วนรวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่างๆของฮิปโป 13,909 ตัว อย่างถูกกฎหมาย ระหว่างปี 2009-2018 โดย 3 ใน 4 ของฮิปโปเหล่านี้มีต้นกำเนิดอยู่ในแทนซาเนีย, ยูกันดา, แซมเบีย และซิมบับเว

มีการค้าฟันฮิปโปอย่างถูกต้องตามกฎหมายน้ำหนักรวม 770,000 กิโลกรัม ระหว่างปี 1975-2017 แม้กระนั้นไม่เคยทราบปริมาณการค้าอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ผู้ชำนาญด้านสัตว์ป่ากล่าวเหตุว่า จำเป็นจะต้องจับตามองการค้าฟันฮิปโปทั้งๆที่ถูกตามกฎหมายรวมทั้งไม่ถูกกฎหมายอย่างใกล้ชิด

ฮิปโปโปเตมัสธรรมดาถูกลงบัญชีในภาคผนวกที่ 2 ของไซเตส ซึ่งหมายความว่า บางครั้งก็อาจจะสิ้นพันธุ์ได้ ถ้าเกิดไม่มีการควบคุมการค้าอย่างเอาจริงเอาจัง

10 ประเทศดังที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งกำลังพยายามให้มีการห้ามการค้าฟันฮิปโปทั่วทั้งโลก ระบุว่า มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า “มีการปนเปกันระหว่างฟันฮิปโปผิดกฎหมายแล้วก็ถูกกฎหมาย” ทำให้ฟันฮิปโปที่ถูกลักลอบล่า “ถูกนำไปฟอกเพื่อนำไปขายในตลาดถูกต้องตามกฎหมาย”

ถ้าเกิดว่าไม่มีการควบคุมอย่างครัดเคร่งเพิ่มมากขึ้น นักเคลื่อนไหวเตือนว่า ฮิปโปอาจจะมีเคราะห์กรรมเช่นเดียวกับช้าง ซึ่งกลายเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ (endangered) หรือใกล้สิ้นพันธุ์อย่างยิ่ง (critically endangered) ในกรณีของช้างป่าแอฟริกา เพราะผู้ลักลอบล่าสัตว์ได้ฆ่าช้างป่าเหล่านี้จำนวนมากเพื่อเอางาของพวกมัน

ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC