Tuesday, 21 March 2023

กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์

ฟุตบอลโลก การ์ต้า ขณะที่ กาตาร์ กำลัง รับหน้าที่ ผู้จัดงานจัดแจงแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะเปิดฉากขึ้นวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายนนี้ หลักสำคัญ ด้าน สิทธิมนุษยชน ใน ประเทศ ก็ กำลัง ได้รับ ความสนใจ ชาวกาตาร์ 2 คนเล่าให้สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีฟังว่ากฎหมายศาสนาที่ครัดเคร่งของกาตาร์มีผลกระทบต่อ ชีวิต ประจำวัน ของพวกเขาอย่างไรใน ฐานะ บุคคล ผู้มีความมากมายหลายทางเพศ (LGBT) แล้วก็หญิง

อาซิสขยับตัวไปมาด้วยความขี้อายขณะที่สนทนาทาง ออนไลน์ จาก กรุงโดฮา กับ ทีม ข่าวสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซี เขาต้องการออกมากล่าวกับสื่อ แต่ว่าก็แจ่มแจ้งว่าเขาจะต้องใช้ความกล้าหาญชาญชัยอย่างยิ่ง แล้วก็มีท่าทีเคร่งขรึมตลอดการเจรจา

“ผม อยากให้ การ มี ชีวิต อย่าง ผม ไม่เป็น เรื่องผิด กฎหมาย ใน ประเทศ ของผม” อาซิส พูด ด้วย น้ำเสียง ทุ้มต่ำ “ผม อยาก ให้ มี การปฏิรูป ที่ ระบุว่า ผม สามารถ เป็น เกย์ ได้ โดย ไม่ต้อง กังวล ว่าจะ ถูกฆ่า “

อาซิส เล่าว่า ความรู้สึกกังวลใจที่เขาจะต้องพบเจออยู่ทุกๆวันมาจากการถูกจ้องอยู่เสมอเวลา แล้วก็บางเวลาการเผลอพูดบางสิ่งกับคนผิดคนก็อาจส่งผลให้เกิดการถูกจับกุม หรือถูกทำร้ายโทษฐานเป็นเกย์

“ความแตกต่างระหว่างการอยู่ในกาตาร์กับนอก กาตาร์ คือ ในเมืองนอกกฎหมายจะเข้าข้างคุณ” เขาเล่า

“ถ้าใครทำร้ายคุณ คุณสามารถไปที่สถานีตำรวจ และจะได้รับการคุ้มครอง แต่ที่ประเทศนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมอาจตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นหากไปหาตำรวจ”

ใน รายงาน ที่ ออกมา เมื่อเดือนที่แล้วของหน่วยงาน เพื่อ สิทธิ มนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า กรุ๊ป LGBT ในกาตาร์ตกเป็นเป้าการควบคุมขังตามอำเภอใจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืน รวมทั้งจะต้องพบเจอการคุกคามทั้งทางคำพูดแล้วก็ทางกาย

LGBT ฟุตบอลโลก สิทธิสตรี

ฟุตบอลโลก การ์ต้า 2022  กลุ่ม LGBT และผู้หญิงเรียกร้องให้ขจัดปัญหากีดกันทางเพศในกาตาร์

ด้วยเหตุดังกล่าว การเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมฟุตบอลโลกจึงทำให้กาตาร์ถูกสื่อตะวันตกสำรวจอย่างใกล้ชิดถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม LGBT

แม้ฟุตบอลโลกจะช่วยให้หัวข้อนี้ได้รับความสนใจจากนานาชาติ แต่ว่าอาซิสชี้ว่ามันยังส่งผลให้กลุ่มผู้มีความมากมายหลายทางเพศในกาตาร์มีความเสี่ยงมากขึ้น

เขาเล่าว่า “ตอนนี้ผมเห็นคนพูดต่อต้านชาว LGBT ทางออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยบอกว่าพวกเราน่ารังเกียจและขัดต่อหลักศาสนา”

ยิ่งกว่านั้นเขายังรู้สึกว่า การพูดคุยประเด็นนี้ยังถูกพูดถึงในทางไม่ดีในต่างประเทศด้วย

“พวกเขาถามว่า ‘พวกเราจะปลอดภัยไหมถ้าไปกาตาร์แล้วเป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ถูกจับ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายกาตาร์’ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นห่วงพวกเราเลย และกฎหมายพวกนี้จะอันตรายกับพวกเราแค่ไหน”

ทางการกาตาร์ย้ำว่า เปิดรับแฟนบอลทุกคนในตอนการประลองฟุตบอลโลก แต่ว่าพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องแสดงความนับถือและวัฒนธรรมของกาตาร์ด้วย

อาซิส เกรงว่าความเสร็จของมหกรรมฟุตบอลโลกคราวนี้จะนำเสนอภาพของประเทศสุดที่รักความสนุก แล้วก็ทำให้ไม่กำเนิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในกาตาร์

ในสหราชอาณาจักร สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีได้สนทนากับ เซนับ (นามสมมุติ) ซึ่งแม้จะอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว แต่ว่าเธอก็ไม่สบายใจว่าการเปิดเผยตัวตนสำหรับการให้สัมภาษณ์คราวนี้จะมีผลกระทบต่อครอบครัวของเธอที่อยู่ในกาตาร์

คุณพูดว่าแนวความคิดอนุรักษนิยมทางศาสนาที่อยู่ในกฎหมายกาตาร์ไม่ดีต่อสุขภาพทางจิตของเธอ ถึงกับขนาดที่ทำให้เธอเคยพยายามฆ่าตัวตาย

เซนับอธิบายว่า ระบบที่หญิงจะต้องมีผู้ปกครองชายนั้น ทำให้หญิงเป็นเยาวชนไปทั้งชีวิต

“การจะตัดสินเรื่องสำคัญในชีวิต คุณจะต้องได้รับหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ปกครองชาย ซึ่งปกติมักเป็นพ่อ แต่หากพ่อเสียชีวิตไปแล้ว ก็จะเป็นลุง พี่ชายน้องชาย และปู่หรือตา”

“ถ้าคุณไม่ได้รับอนุญาตก็จะไม่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไปศึกษาในต่างแดน เดินทาง แต่งงาน หรือหย่าร้าง”

ฟุตบอลโลก การ์ต้า

เธอเล่าว่าการมีพ่อหัวอนุรักษนิยมทำให้เธอไม่อาจจะดำรงชีวิตอย่างที่อยากได้ได้

คุณไม่ต้องการให้สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีเปิดเผยรายละเอียดถึงสถานะการณ์ที่ได้เผชิญมา เนื่องจากว่าไม่อยากที่จะให้ใครรู้ว่าเธอเป็นใคร ซึ่งจะสร้างปัญหาให้ครอบครัวของเธอ

เซนับพูดว่า ระบบนี้ทำให้หญิงจะต้องทนทุกข์จากการควบคุมบังคับของคนในครอบครัว แล้วก็กฎหมายที่ครัดเคร่งของกาตาร์ก็ทำให้กลุ่มผู้มีแนวความคิดอนุรักษนิยมพอใจ

“พวกเขาเชื่อว่าแนวคิดเรื่องสิทธิสตรีเป็นแนวคิดตะวันตก และขัดต่อค่านิยม วัฒนธรรม และธรรมเนียมของอิสลาม”

เจ้าหน้าที่กาตาร์ผู้ ทำงาน ในมหกรรมฟุตบอลโลกคราวนี้พูดว่า เสียง วิพากษ์วิจารณ์ ต่อกาตาร์มีต้นเหตุที่เกิดจากการได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกจะต้องแล้วก็เพียงพอ

แนวความคิดดังกล่าวสะท้อนจากปากของนักศึกษาหญิง คนหนึ่ง ที่ ชื่อ โมเซลลา ซึ่งกล่าวว่า “เราไม่จำเป็นที่ต้องให้ องค์กร ตะวันตก มาที่นี่ เพื่อ พูดว่าเราควรจะทำอะไรและไม่ควรจะทำอะไรบ้าง”

“นี่คือ ประเทศ ของเรา เรา ต้อง ได้รับ โอกาส ในการ พัฒนา ตาม แนวทาง ที่เรา เห็นว่า เหมาะสม ไม่ใช่ แนวทาง ที่ ผู้อื่น สั่งมา”

อย่างไรก็ตาม เสียงคนกาตาร์ที่วิจารณ์ประเทศตนเองนั้นถูกเซ็นเซอร์อย่างมาก แล้วก็อย่างที่เราเห็นในบทสัมภาษณ์นี้ว่าคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กาตาร์ต่างหวาดกลัวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตน แม้ว่าจะเป็นการเอ๋ยถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่พวกเขาพึงมีก็ตาม

รายงานเพิ่มเติมโดย แฮร์รี ฟาร์ลีย์

ขอขอบคุณสำนักข่าว BBC